ศูนย์วิจัยและทดสอบยานยนต์ไฟฟ้า
สถาบันเทคโนโลยีไทย – ญี่ปุ่น (TNI)
กระแสรถยนต์ไฟฟ้า
กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ด้วยปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น
และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพหนักขึ้นทุกวัน
สำหรับคนที่มีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์อยู่แล้วส่วนหนึ่ง
เริ่มมองหาวิธีการนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ของตัวเองไปดัดแปลง
เปลี่ยนจากเครื่องยนต์เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแทน ซึ่งวิธีการนี้
เมื่อผ่านกระบวนการดัดแปลงเรียบร้อยแล้ว จำเป็นต้องได้รับการรับรองจากศูนย์ทดสอบยานยนต์
ของสถาบันยานยนต์ หรือสถาบันการศึกษาเท่านั้น จึงจะนำรถไปจดทะเบียน
กับกรมการขนส่งทางบกได้
วันนี้สถาบันเทคโนโลยีไทย – ญี่ปุ่น
ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้บริการทดสอบยานยนต์ แก่ประชาชนทั่วไปแล้ว โดยมีอาจารย์ภาสกร
พันธุ์โอภาส อาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรมยานยนต์
คณะวิศวกรรมศาสตร์ และหัวหน้าศูนย์วิจัยและทดสอบยานยนต์ไฟฟ้า สถาบันเทคโนโลยีไทย –
ญี่ปุ่น เป็นผู้ควบคุมการให้บริการ
Q : จุดเริ่มต้นของการให้บริการศูนย์วิจัยและทดสอบยานยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร
หลักสูตรวิศวกรรมยานยนต์ (
Automotive Engineering : AE ) และวิศวกรรมไฟฟ้า (
Electrical Engineering : EE ) มีการเรียนการสอน
ที่นอกจากภาคทฤษฎีแล้ว เรามีภาคปฏิบัติให้นักศึกษาได้ลงมือทำจริง
ซึ่งจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการเรียนรู้
และเมื่อมีการจัดซื้ออุปกรณ์สำหรับการทดสอบสมรรถนะและประสิทธิภาพรถแล้ว
เราก็เล็งเห็นประโยชน์ว่า สามารถนำมาให้บริการประชาชนทั่วไป ที่มีความสนใจจะดัดแปลงรถยนต์และรถจักรยานยนต์
เป็นระบบไฟฟ้า ซึ่งหลังจากนั้นต้องนำไปทดสอบสมรรถนะและประสิทธิภาพ ในปัจจุบันสถาบันที่ให้บริการทดสอบยานยนต์ในประเทศไทยยังมีน้อย
Q : ผู้ที่นำรถไปดัดแปลง
ต้องผ่านกระบวนการรับรองอย่างไรบ้าง
การดัดแปลงรถจากเครื่องยนต์เป็นระบบไฟฟ้า
เมื่อนำรถเข้าอู่ดัดแปลงแล้ว ต้องผ่านการรับรอง 3 ส่วน คือ 1) วิศวกรเครื่องกล
รับรองการดัดแปลงโครงสร้างเกี่ยวกับเครื่องยนต์ มอเตอร์
2) วิศวกรไฟฟ้า รับรองการเดินระบบไฟฟ้าภายในรถ และ
3) สถาบันการศึกษา หรือสถาบันยานยนต์ ที่มีศูนย์ทดสอบยานยนต์ เพื่อทดสอบสมรรถนะและประสิทธิภาพของรถยนต์
แล้วนำผลการทดสอบ ไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก
Q : คิดว่าการดัดแปลงรถเป็นพลังงานไฟฟ้า
มีข้อดีอย่างไรบ้าง
ปัจจุบันคนให้ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
แต่การซื้อรถยนต์ไฟฟ้านั้นราคาสูง บางคนที่มีรถอยู่แล้ว
จึงนำรถมาดัดแปลงเป็นระบบไฟฟ้า แม้ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดัดแปลง และค่าแบตเตอรี่รถ
หลักแสน แต่ในระยะยาวถือว่าคุ้มค่า
เพราะรถไฟฟ้าจะเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษา น้อยกว่าระบบเครื่องยนต์
และที่สำคัญใช้การชาร์จไฟฟ้าจากไฟบ้าน ไม่เสียค่าน้ำมัน
ทำให้ประหยัดเงินในระยะยาวอย่างมาก นอกจากนี้ยังลดมลพิษ ฝุ่นละอองในอากาศ
และลดมลพิษทางเสียงอีกด้วย
Q : ศูนย์วิจัยและทดสอบยานยนต์ไฟฟ้า
สถาบันเทคโนโลยีไทย – ญี่ปุ่น ให้บริการอย่างไร ?
เราให้บริการทดสอบสมรรถนะและประสิทธิภาพรถยนต์
ด้วยเครื่อง – Chassis Dynamometer และทดสอบสมรรถนะและประสิทธิภาพรถจักรยานยนต์
โดยนำรถขึ้นเครื่องทดสอบเพื่อวัดประสิทธิภาพของรถ โดยการวิ่งต่อเนื่อง 30 นาที ความเร็วไม่ต่ำกว่า
60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นจะให้ใบรับรองผลการทดสอบ จากศูนย์ทดสอบฯ
ภายในหนึ่งวัน
สถาบันเทคโนโลยีไทย – ญี่ปุ่น ขอเชิญชวนประชาชน ที่กำลังดัดแปลง
หรือมีแผนที่จะดัดแปลงรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เป็นระบบไฟฟ้า รับปรึกษาการติดตั้ง
มาให้บริการทดสอบสมรรถนะและประสิทธิภาพรถไฟฟ้า โดยเรามีจุดประสงค์แรกเริ่มคือเพื่อประโยชน์ในการเรียนการสอนในหลักสูตรวิศวกรรมยานยนต์ให้ทันสมัย
รวมถึงการให้บริการประชาชนทั่วไปในราคาไม่แพง โดยรถจักรยานยนต์ มีค่าบริการ ประมาณ
1,000 บาทต่อครั้ง ส่วนรถยนต์ค่าบริการ ไม่เกิน 3,000 บาทต่อครั้ง
เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ในภาวะที่ราคาน้ำมันแพงและสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้า
เพื่อลดมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
Øเนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี TNI
Ø
ศูนย์วิจัยและทดสอบยานยนต์ไฟฟ้า สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น
Ø ติดตามคอร์สอบรมได้ที่ Facebook : ศูนย์บริการวิชาการและวิจัย สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น https://www.facebook.com/training.tni/
Ø ดูคลิป VDO ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=9tLfj1vPdEM&t=60s
SHARE :