ปัจจุบันธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การเกิดขึ้นของสินค้าและบริการใหม่ ๆ
ทำให้ข้อได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจเดิมอาจหมดความหมายในชั่วข้ามคืน
นวัตกรรมและเทคโนโลยีมีบทบาทต่อความอยู่รอดของธุรกิจมากขึ้น
ผู้บริโภครวมถึงพนักงานมีความเป็นปัจเจกบุคคลมากขึ้นทำให้รูปการจัดการธุรกิจต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนไป
ในสถานการณ์ที่สภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีความไม่แน่นอน
ความสำเร็จในอดีตจึงไม่สามารถรับประกันความสำเร็จในอนาคต
ธุรกิจต้องไม่ติดยึดกับแนวทางหรือวิธีการที่เคยทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในอดีต
ผู้บริหารที่จะนำพาธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืนจำเป็นต้องมีการพัฒนา
3 ด้าน คือ
1)
การขยายขอบเขตองค์ความรู้ ในอดีตการศึกษาหาความรู้ด้านการบริหารธุรกิจถูกตีกรอบอยู่ในตำรา
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแนวคิดและทฤษฎีที่ถูกสร้างมาจากฝั่งตะวันตก การมีความรู้ในวงแคบอาจไม่เพียงพอต่อการแข่งขัน
ผู้ที่มีความรู้มากกว่าย่อมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จที่สูงกว่า
การขยายองค์ความรู้จำเป็นต้องขยายทั้งแนวลึกคือ ความรู้ที่เกี่ยวกับงานโดยตรง
และแนวกว้าง คือ ความรู้ที่มีความสัมพันธ์ทางอ้อมกับงาน
แนวทางในการขยายขอบเขตองค์ความรู้ได้แก่ การศึกษาองค์ความรู้อื่น ๆ
คือการขยายองค์ความรู้การบริหารจากฝั่งตะวันตกไปสู่ฝั่งตะวันออก
และการศึกษาความรู้นอกตำรา คือการอ่านและรับฟังจากผู้ที่ประสบความสำเร็จหรือได้รับการยอมรับ
2) การคิดให้เหนือกว่า
ความรู้นับเป็นพื้นฐานของความคิด
การคิดโดยไม่มีความรู้ย่อมมีความเสี่ยงสูง ในขณะที่ความรู้ที่ไม่วิธีคิดที่เหมาะสมย่อมไม่สามารถนำความรู้นั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีผู้นำเสนอเทคนิคการคิดแบบต่าง ๆ
เพื่อช่วยให้ผู้บริหารสามารถแปลงความรู้ไปเป็นศักยภาพ ด้วยความรู้ที่มากกว่าบวกกับวิธีคิดที่เหนือกว่าย่อมทำให้โอกาสประสบความสำเร็จมีมากกว่า
การขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดโอกาสประสบความสำเร็จก็ย่อมจะลดลง
3) ศิลปะของการทำได้ ความรู้ที่มากกว่าและความคิดที่เหนือกว่าหากไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงก็นับได้ว่าเป็นความรู้และความคิดที่เปล่าประโยชน์ ดังนั้นศิลปะของการทำได้จึงนับเป็นกุญแจดอกสุดท้ายที่จะไขประตูไปสู่ความสำเร็จ การบริหารธุรกิจยุคปัจจุบันจึงมุ่งเน้นไปที่การนำกลยุทธ์ไปสู่การปฎิบัติ ซึ่งต้องผสมผสานระหว่างการมีภาวะผู้นำและมีขั้นตอนที่เหมาะสม
หากมองย้อนดูการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยของการศึกษาด้านบริหารธุรกิจ
ในยุคต้นจะมุ่งเน้นการขยายองค์ความรู้
ในยุคต่อมาจะมุ่งเน้นเทคนิคด้านความคิดและการนำไปปฎิบัติ
อย่างไรก็ตามการจะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนจำเป็นที่ผู้บริหารต้องมีครบทั้ง
3 องค์ประกอบ
หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขานวัตกรรมการจัดการธุรกิจและอุตสาหกรรม ของสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น เป็นหลักสูตรที่มุ่งขยายองค์ความรู้ให้ผู้เรียนมีความรู้ที่มากกว่าตำราทั่วไป สอนเทคนิคด้านความคิดเพื่อให้คิดได้เหนือกว่าผู้อื่น และสอนแนวทางการนำความรู้และความคิดให้ปฏิบัติได้จริง เราเชื่อว่าองค์ประกอบทั้ง 3 ประการ จะช่วยให้ผู้บริหารและเจ้าของกิจการสามารถนำพาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
>> สมัครเรียน MBI คลิ๊ก <<
SHARE :